February 1, 2024
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป และการค้าขายแบบดั้งเดิมเริ่มถูกแทนที่ด้วยการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ หรือที่เรียกว่า “ E-commerce (อีคอมเมิร์ซ) ” ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน บทความนี้จะพามารู้จักกับ E-commerce ให้มากยิ่งขึ้นกันครับ
อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) หรือการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต ที่ไม่จำเป็นต้องมีการติดต่อกันโดยตรงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย หรือที่เรียกติดปากกันคือ " การขายของออนไลน์ "
E-commerce ได้รับความนิยมทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ผู้คนต้องหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านเป็นเวลานาน เหตุผลที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดจนถึงตอนนี้ เป็นเพราะความสะดวกรวดเร็วในการสั่งซื้อสิ่งที่ต้องการ สามารถเข้าถึงตลาดได้ทั่วโลก และต้นทุนหลายอย่างต่ำกว่าการเปิดร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม
ประเภทธุรกิจ E-commerce จะแบ่งได้ตามกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกันในการซื้อขาย ต่อไปนี้
E-commerce ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการและผู้บริโภค สามารถสรุปข้อได้เปรียบจากการขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ ได้ตามต่อไปนี้
การทำ E-commerce ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์มากมาย แต่บางธุรกิจก็อาจไม่เหมาะที่จะทำ E-commerce ก่อนจะเริ่ม เราอยากให้ลองพิจารณาจากเหตุผลต่อไปนี้
โลกยุคดิจิทัลที่ E-commerce กลายเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะขายอะไร ก็สามารถขายได้ แต่จะต้องไม่ผิดกฎหมาย และส่งผ่านทางขนส่งได้ แบ่งเป็นภาพกว้างได้ 3 ประเภทหลักต่อไปนี้
Tips : เพื่อให้สินค้าขายดี สำคัญคือต้องสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ต้องน่าสนใจและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค จากนั้นค่อยอาศัยการทำ marketing เข้ามาช่วย เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้
การนำสินค้าหรือบริการมาเสนอขายผ่านอินเทอร์เน็ต โดยอาศัยแพลตฟอร์มดิจิทัลต่าง ๆ เพื่อทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นได้ ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกสินค้าหรือบริการ การชำระเงิน และการบริการขนส่ง (ถ้ามี) การขายสินค้าแบบ E-commerce นั้นมีหลากหลายช่องทาง ตามต่อไปนี้
เว็บไซต์ E-commerce เป็นเว็บไซต์ที่มีฟังก์ชันการซื้อขายสินค้าและบริการทางออนไลน์ โดยที่ผู้ขายสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง หรือใช้บริการแพลตฟอร์มที่ให้บริการการสร้างเว็บไซต์ E-commerce ตัวอย่างเช่น Shopify, Magento ฯลฯ
Marketplace เว็บไซต์ E-commerce ที่รวบรวมสินค้าและบริการจากผู้ขายหลายราย ให้บริการผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน โดยมีระบบการสร้างร้านค้า จัดส่ง การคืนสินค้า และรองรับการชำระเงินทางออนไลน์ สามารถลงขายสินค้าได้ฟรี แต่ผู้ให้บริการ Marketplace จะได้ส่วนแบ่ง % จากราคาสินค้า หรือค่าธรรมเนียมบางส่วน ตัวอย่างเช่น Lazada หรือ Shopee
Social Commerce การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยใช้เป็นช่องทางโปรโมท และสื่อสารกับลูกค้า สามารถสั่งซื้อได้ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือผ่านทางแอปที่เชื่อมต่อ อย่างเช่น Facebook Marketplace หรือ Line Shopping
ปัจจุบัน การแข่งขันในธุรกิจ E-commerce กำลังสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องการรุกตลาดจึงต้องหาแนวทางที่ทำให้สินค้าและแบรนด์เป็นที่รู้จัก เพื่อเข้าสู่ช่วงเพิ่มยอดขายได้
การทำ E-commerce Marketing หรือการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ จึงนับเป็นวิธีหนึ่งที่ได้ผลดี เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการในวงกว้างได้รวดเร็ว และใช้ต้นทุนน้อยกว่าช่องทางการตลาดอื่น ๆ
การใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางโปรโมท ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Line, X, Youtube หรือ TikTok ด้วยการโฆษณาแบบจ่ายเงิน การจ้าง Influencer หรือการทำคอนเทนต์น่าสนใจเรียกผู้ติดตามแบบ organic ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ ก็ควรใช้สื่อ Social Media ทำการตลาด เพราะเป็นช่องทางที่ลูกค้าติดต่อเราได้สะดวกที่สุด
Tips : ปัจจุบัน แพลตฟอร์ม Social Media มีการพัฒนาฟีเจอร์สำหรับการซื้อขายสินค้า อย่างเช่น Facebook Marketplace, Instagram Shopping หรือ Tiktok Shopping ที่ช่วยให้แสดงสินค้าได้เหมือนร้านค้าออนไลน์
SEO หรือ Search Engine Optimization การพัฒนาปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อให้เว็บไซต์ E-commerce ของผู้ขายถูกจัดอันดับให้อยู่ในลำดับต้น ๆ ตามผลการค้นหาที่มีคนเสิร์ชบน Search Engine อย่าง Google หรือ Bing
Tips : การทำ SEO เป็นการตลาดที่ใช้เวลานานถึงจะเห็นผล จึงต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในเรื่อง Algorithm เป็นอย่างดี เพื่อหา Factors ที่ใช้จัดอันดับของแต่ละโปรแกรมค้นหา แล้ววางแผนรายการที่จะทำก่อน-หลังอย่างละเอียดรอบคอบ
SEO การทำอันดับบนผลการค้นหาที่ใช้เวลาทำนาน ต้องลงทุนลงแรงมาก แต่เป็นผลดีต่อธุรกิจ E-commerce ในระยะยาว แต่ถ้าต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับต้น ๆ ของ Google ในทันที การลงโฆษณา Google Ads จึงเป็นทางเลือกที่หลายธุรกิจเลือกทำ
Google Ads แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์บนผลการค้นหา Google และในพื้นที่เว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ร่วมมือกับทาง Google Ads หรือเรียกว่า Google Display Network (GDN)
เมื่อกลุ่มเป้าหมายค้นหา Keyword ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ E-commerce ของคุณ โฆษณาก็จะแสดงขึ้นบนผลการค้นหาอันดับต้น ๆ เสมอ เป็นวิธีโปรโมทเว็บไซต์ E-commerce ที่เร็วและทำได้ทันที เพราะใช้เงินตลอดดำเนินการโฆษณา
Tips : ปัจจุบัน Google Analytics มีฟีเจอร์ชื่อ Enhanced E-commerce ที่ช่วยให้ธุรกิจ E-commerce สามารถเห็น Shopping Behavior และ Custom Journey ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้อย่างละเอียด ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาให้น่าสนใจ และ scope กลุ่มเป้าหมายให้ตรงมากขึ้นได้
ปี 2025 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการ E-Commerce ในประเทศไทย ธุรกิจออนไลน์จะไม่ใช่แค่การเปิดร้านขายของอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นระบบธุรกิจที่ต้องใช้ข้อมูล เทคโนโลยี และความเข้าใจลูกค้าอย่างรอบด้าน เพื่อแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ในยุคนี้ ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจะไม่ใช่แค่ร้านค้าที่ขายดี แต่เป็นร้านค้าที่สามารถเก็บและใช้ “ข้อมูลของลูกค้า” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามพฤติกรรมการซื้อ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำ Remarketing หรือสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล (Personalization)
หลายธุรกิจไทยเริ่มนำระบบ Customer Data Platform (CDP) เข้ามาใช้เพื่อจัดการข้อมูล และทำให้การตลาดแม่นยำมากขึ้น
ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในแทบทุกขั้นตอนของ E-Commerce ไม่ว่าจะเป็นการเขียนคอนเทนต์ ตอบแชทลูกค้า แนะนำสินค้า หรือวิเคราะห์รีวิว
ธุรกิจขนาดเล็กที่เริ่มใช้ AI จะสามารถลดภาระของทีมงาน เพิ่มความเร็วในการทำงาน และให้บริการที่ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนมาก
ในประเทศไทย การซื้อของผ่านมือถือกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกซื้อสินค้าผ่านแอปอย่าง Shopee, TikTok Shop, Facebook หรือแม้แต่ Line OA มากกว่าการเข้าเว็บไซต์แบบเดิม
แพลตฟอร์มเหล่านี้จึงไม่ใช่แค่ช่องทางการโปรโมต แต่กลายเป็น “หน้าร้านหลัก” ที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญทั้งด้าน UX การตอบแชท และการทำคอนเทนต์วิดีโอ
ผู้บริโภครุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่โปร่งใส มีจริยธรรม และให้ข้อมูลครบถ้วน เว็บไซต์ควรมีนโยบายความเป็นส่วนตัว (PDPA), ช่องทางติดต่อที่เชื่อถือได้ และระบบรีวิวที่แสดงความจริงใจ เช่น รีวิวจากผู้ใช้จริง ไม่ปรุงแต่ง
แม้ Marketplace อย่าง Shopee หรือ Lazada จะยังคงสำคัญ แต่ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากเริ่มหันมาลงทุนสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อควบคุมประสบการณ์ลูกค้าได้มากขึ้น ลดค่าธรรมเนียม และสร้างแบรนด์ระยะยาว
ระบบ CMS หรือแพลตฟอร์มแบบ Headless CMS เช่น Shopify, Webflow, หรือ WooCommerce จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่ม SME ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน
สรุปแล้ว อีคอมเมิร์ซ E-commerce นั้นคือการซื้อขายสินค้าหรือบริการอำนวยสะดวกผ่านทางอินเทอร์เน็ต หรือที่มักเรียกว่า " การขายของออนไลน์ " ได้รับความนิยมสูงขึ้นมากหลายเท่าตัวในช่วงการระบาด COVID-19 ที่ผู้คนต้องเลี่ยงการออกนอกบ้านเป็นเวลานาน
สินค้าทุกประเภทที่ไม่ผิดกฎหมาย และส่งผ่านขนส่งได้ ล้วนสามารถลงขายแบบ E-commerce ได้ ไม่ว่าจะเป็นของใช้ทั่วไป เฟอร์นิเจอร์ สินค้าอุปโภคบริโภค จนถึงบริการอย่างการจองตั๋วเครื่องบิน/ตั๋วหนัง หรือการจองโรงแรมที่พัก และอีกมากมาย
เป้าหมายการทำ E-commerce คือจะต้องขายสินค้าหรือบริการเพื่อสร้างกำไรได้ ในปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง และมีผู้ขายมากมายที่ลงขายสินค้าประเภทหรือชนิดเดียวกัน จึงต้องหาช่องทางการขายที่เหมาะสมกับธุรกิจ และอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดที่ดี เพื่ออยู่รอดในสนามการแข่งขันนี้