March 8, 2024
คำว่า “เว็บไซต์ (Website)” เชื่อว่ายุคนี้คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะไม่ว่าจะการศึกษา การท่องเที่ยว การขายของ การสื่อสาร หรือแม้แต่ความบันเทิง ทั้งหมดล้วนเกิดจากการมีเว็บไซต์เป็นตัวกลางสำหรับให้ข้อมูลและบริการต่าง ๆ ถือเป็นสื่อหลักที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้ส่วนมากผ่านทางอินเทอร์เน็ต
ทำให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ เว็บไซต์ นั้นมีหลาย ๆ เรื่องที่จำเป็นและสำคัญต่อการพัฒนาเว็บไซต์ภายในปี 2024 นี้ ให้ออกมาประสบผลสำเร็จ ตั้งแต่รู้จักความหมายแท้จริงของเว็บไซต์ ว่าคืออะไร มีประโยชน์ยังไงบ้าง ไปจนถึงประเภทของเว็บไซต์ และแนวคิดการสร้างเว็บไซต์ที่ดี
เว็บไซต์แรกของโลกถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1991 โดย Tim Berners-Lee นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษจาก CERN เขาได้พัฒนา WWW (World Wide Web) เพื่อใช้แชร์ข้อมูลระหว่างนักวิจัยทั่วโลก
เว็บไซต์ยุคแรกเป็นเพียง หน้าเว็บแบบ Text ธรรมดา (HTML) ที่ไม่มีภาพ ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ ผู้ใช้งานเพียงแค่เปิดอ่านข้อมูลเท่านั้น
ต่อมาเมื่ออินเทอร์เน็ตแพร่หลายมากขึ้น เว็บไซต์ก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว:
ยุคลักษณะเด่นยุค 90sเว็บแบบ Static ไม่มีฐานข้อมูลยุค 2000เริ่มมี CMS เช่น WordPress, Joomlaยุค 2010เว็บไซต์แบบ Interactive และ Web Applicationยุค 2020Responsive Design, Cloud Web Hosting, Progressive Web App (PWA)
ปัจจุบันเว็บไซต์กลายเป็น เครื่องมือธุรกิจและการสื่อสารหลัก ของทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วโลก
ย้ำตรงนี้อีกครั้ง ว่าเขียนให้ถูกคือ “เว็บไซต์” แบบนี้เท่านั้น มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Website”
เว็บไซต์ (Website) คือ กลุ่มของเว็บเพจ (Wep page) ภายใต้โดเมนชื่อเดียวกัน ที่เชื่อมโยงถึงกันจากหน้าหนึ่งไปอีกหน้าหนึ่งผ่านลิงก์ มีไว้เพื่อแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ที่ต้องการมีเว็บไซต์ เช่นเพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลบริษัท หรือเพื่อขายของออนไลน์
เว็บไซต์มักถูกสร้างขึ้นด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ HTML, CSS, ASP, PHP, JAVA และอาจมีส่วนการใช้ภาษาสคริปต์อย่าง JavaScript มาพัฒนาคุณสมบัติเว็บไซต์เพิ่มเติม ส่วนใหญ่จะถูกโฮสต์เก็บไว้บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต หรือเครือข่ายภายใน ด้วยการใช้เว็บเบราว์เซอร์ อย่าง Google Chrome, Safari หรือ Microsoft Edge เป็นตัวกลาง
เว็บไซต์ ไม่ใช่แค่เพียงหน้าจอที่เราเห็นบนเว็บเบราว์เซอร์เท่านั้น แต่เป็นผลลัพธ์ในการทำงานร่วมกันของหลายองค์ประกอบ สำคัญสุดคือโค้ด (Code) ที่ใช้สำหรับสร้างเว็บไซต์ แบ่งได้เป็นสองส่วนหลัก ต่อไปนี้
ส่วนสำคัญอย่างอื่น ที่จำเป็นต่อการสร้างเว็บไซต์
การมีเว็บไซต์นั้น สามารถช่วยสร้างโอกาสเพื่อความสำเร็จได้หลายด้าน ไม่ว่าจะสำหรับบุคคล องค์กร หรือธุรกิจ ด้วยประโยชน์ของเว็บไซต์ต่อไปนี้
การสร้างเว็บไซต์ ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยาก เพราะไม่ได้มีวิธีเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียว แต่สามารถทำเองด้วยแพลตฟอร์มสร้างเว็บสำเร็จรูป หรือจ้าง outsource อย่างพวกเรา Foxbith ทำให้ได้ แต่เพื่อเว็บไซต์ที่ดี การเข้าใจพื้นฐานต่อไปนี้จะช่วยได้มาก
ว่าสร้างเว็บไซต์เพื่ออะไร และอยากให้ทำอะไรได้บ้าง ผู้พัฒนาจำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์กับเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อสร้างเว็บไซต์ที่เหมาะสมกับความต้องการผู้ใช้
หลังจากรู้ว่าจะนำเสนออะไรบนเว็บไซต์ กับควรจัดเรียงหน้าเว็บอย่างไร โดยใช้เนื้อหาที่มีคุณภาพ และเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์
อีกทั้งต้องรู้เกี่ยวกับวิธีการออกแบบ และกระบวนการพัฒนาเว็บไซต์อย่างเป็นขั้นเป็นตอน หรือเลือกจ้างมืออาชีพมาออกแบบให้เหมาะสมกับเนื้อหาที่จะนำเสนอ และตรงตามวัตถุประสงค์ของเว็บไซต์
เมื่อพัฒนาเว็บไซต์เสร็จสิ้นเบื้องต้น ควรมีการทดสอบทุกคุณสมบัติอย่างละเอียด ประกอบด้วยหลายขั้นตอนที่สำคัญ เพื่อเช็คหาข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งต้องคอยอัปเดตอยู่เสมอ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถรองรับการใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์
การจำแนกประเภทเว็บไซต์ สามารถทำได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และเนื้อหาของเว็บไซต์ แต่ทั่วไปแล้ว เว็บไซต์จะแบ่งได้ออกเป็น 9 ประเภทตามรูปแบบการใช้งาน ต่อไปนี้
Personal Website หรือเว็บไซต์ส่วนบุคคล คือเว็บไซต์ที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ส่วนบุคคล เช่นอาจเป็นการแนะนำตัวเอง แสดงผลงาน ประวัติการทำงาน ความสนใจ บล็อก หรือใช้แบ่งปันข้อมูลกับผู้อื่น เป็นพื้นที่ออนไลน์ส่วนบุคคลที่ใช้แสดงออกถึงตัวตน และทัศนคติความคิดให้กับผู้ใช้งานทั่วโลก
เว็บไซต์ประเภทนี้ มักมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของเว็บไซต์โดยตรง เช่นประวัติส่วนตัว ผลงาน บทความ รูปภาพ หรืออย่างอื่นอีกมาก และอาจมีลิงก์ไปยังบัญชีผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์ (Social media) ต่าง ๆ ด้วยการใช้เว็บไซต์เป็นแหล่งต้นทางรวบรวมข้อมูลกับผลงานของบุคคลนั้นบนโลกออนไลน์ ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Tina Roth Eisenberg (swiss-miss.com) หรือ Debbie Millman (debbiemillman.com)
E-Commerce Website หรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ หมายถึงเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์โดยเฉพาะ ทำหน้าที่เป็นหน้าร้านค้าออนไลน์ ที่ผู้บริโภคสามารถเข้าชมสินค้าและบริการต่าง ๆ พร้อมชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ได้สะดวก
ปัจจุบัน เว็บไซต์ขายของออนไลน์ได้เข้ามาเป็นบทบาทสำคัญ ในการดำเนินธุรกิจยุคดิจิทัล เพราะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงาน ขยายฐานลูกค้าไปในวงกว้าง และยังเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการได้
ผู้ประกอบการสามารถเลือกนำเสนอสินค้า และบริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะบนเว็บไซต์ E-commerce ของตนเอง หรือแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ อย่างเช่น Amazon, eBay, Lazada หรือ Shopee ได้
Business Website หรือเว็บไซต์ธุรกิจ คือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจขององค์กรหรือบริษัท ไม่ว่าจะการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ ช่วยให้รับรู้ถึงคุณค่าจุดเด่นธุรกิจได้ง่ายขึ้น
นอกเหนือจากใช้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เว็บไซต์ธุรกิจยังสามารถใช้เป็นได้ทั้งช่องทางการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า รับฟีดแบ็ค และเพิ่มยอดขายผ่านการทำการตลาดออนไลน์ได้ มีหลายรูปแบบ ตั้งแต่เว็บไซต์ขนาดเล็กสำหรับธุรกิจขนาดย่อม ไปจนเว็บไซต์ที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น บริษัท Apple (apple.com) , บริษัท Nike (nike.com) หรือบริษัท Coca-Cola (coca-cola.com)
News Website หรือเว็บไซต์ข่าว เป็นเว็บไซต์แหล่งสื่อออนไลน์ ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันต่าง ๆ ให้กับผู้อ่าน อาจครอบคลุมได้หลากหลายประเภทข่าว เช่นข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กีฬา บันเทิง เทคโนโลยี ฯลฯ ด้วยการรายงานข่าวเนื้อหาใหม่อย่างต่อเนื่อง
การนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ข่าว มักจะเลือกใช้รูปแบบที่เข้าใจง่าย มีการจัดหมวดหมู่ข่าวเป็นระบบ และมีการใช้รูปภาพ วิดีโอ หรือสื่อมัลติมีเดีย เพื่อดึงความสนใจของผู้ใช้ อีกทั้งสามารถแสดงความคิดเห็น และแบ่งปันข่าวผ่านช่องทางออนไลน์อื่นได้อีก ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Cable News Network (edition.cnn.com) , The New York Times (nytimes.com) หรือ British Broadcasting Corporation (bbc.com)
Educational Website หรือเว็บไซต์การศึกษา คือเว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์การให้การศึกษาและการเรียนรู้ เว็บไซต์ประเภทนี้มักจะแบ่งปันข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบ บทเรียน วิดีโอ การทดสอบ หรือคอร์สออนไลน์ โดยผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอินเทอร์เน็ต
เว็บไซต์การศึกษา สามารถเป็นได้ทั้งแหล่งศึกษาเรียนรู้อย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ เพราะบางเว็บไซต์อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถาบันการศึกษา ที่ทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนของหลักสูตร ขณะที่บางเว็บไซต์อาจเป็นโครงการอิสระ ที่เน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะทาง ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Khan Academy (khanacademy.org) , Coursera (coursera.org) หรือ edX (edx.org)
Entertainment Website หรือเว็บบันเทิง คือเว็บไซต์รวมเนื้อหากับกิจกรรมทางออนไลน์ ที่มีจุดประสงค์หลักเพื่อความบันเทิงและผ่อนคลายความเครียด ด้วยการนำเสนอเนื้อหาหลากหลายประเภท เช่นภาพยนต์ ละคร เพลง เกม รายการวาไรตี้ หรือข่าวบันเทิงต่าง ๆ
เว็บบันเทิงมักจะถูกออกแบบให้ดูดีและน่าสนใจเป็นพิเศษ เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้เข้าชมและใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพราะโฆษณาถือเป็นรายได้หลักของเว็บบันเทิงเหล่านี้ หรือบางเว็บไซต์อาจใช้ระบบสมัครสมาชิกพรีเมี่ยม กับการขายสินค้าแบรนด์ของตนเองไปด้วย ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Netflix (netflix.com) , Youtube (youtube.com) หรือ IGN (ign.com)
Non-profit Website หรือเว็บไซต์องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร หมายถึงเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นโดยองค์กรที่ไม่ได้มีเป้าหมายหลักเพื่อแสวงหากำไร แต่เน้นไปที่การทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ การกุศล หรือการส่งเสริมเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
เว็บไซต์เหล่านี้ ล้วนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูล สร้างความตระหนักถึงบางสิ่ง รวบรวมเงินบริจาค หรือใช้เป็นช่องทางโปรโมทกิจกรรมและโครงการขององค์กร มีลักษณะแตกต่างจากเว็บไซต์ธุรกิจทั่วไป โดยเน้นการนำเสนอข้อมูลกับเนื้อหาที่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการ ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น UNICEF (unicef.org) , Greenpeace (greenpeace.org) และ Amnesty International (amnesty.org)
Information Website หรือเว็บไซต์ข้อมูล คือเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการให้ข้อมูล ความรู้ หรือเนื้อหาสาระต่าง ๆ แก่ผู้ใช้ ไม่เน้นการขายสินค้าและบริการ เว็บไซต์ประเภทนี้มักถูกสร้างขึ้นโดยหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร หรือแม้แต่บุคคลที่ชำนาญในสาขาตนเอง แล้วต้องการแบ่งปันข้อมูลความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Wikipedia (wikipedia.org) หรือ NASA (nasa.gov)
เว็บบอร์ดออนไลน์ หรือ “ฟอรัม (Forums)” เป็นเว็บไซต์พื้นที่สาธารณะบนโลกออนไลน์ ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูล และประสบการณ์กันได้ ทำงานคล้ายกับห้องสนทนาขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็นหลายหัวข้อและหมวดหมู่ โดยผู้ใช้สามารถสร้างกระทู้ใหม่เพื่อเสนอคำถาม ความคิดเห็น หรือหัวข้อสนทนาที่น่าสนใจ และเปิดให้ผู้ใช้คนอื่นเข้ามาแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับคำถาม หรือแชร์ข้อมูลเพิ่มเติมในกระทู้นั้นได้
การใช้งานเว็บบอร์ดออนไลน์ส่วนใหญ่จะต้องสมัครสมาชิก เพื่อให้สามารถโพสต์ข้อความ แนบไฟล์ หรือรูปภาพประกอบได้ โดยระบบจะมีการจัดการสิทธิ์ให้กับสมาชิกแต่ละประเภท เช่นสมาชิกทั่วไป หรือผู้ดูแลระบบ เพื่อรักษาระเบียบและป้องกันการละเมิดกฎของเว็บบอร์ด ตัวอย่างเว็บไซต์เช่น Reddit (reddit.com) , Stack overflow (stackoverflow.com) หรือ Quora (quora.com)
เว็บไซต์ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นและข้อจำกัดต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน และงบประมาณในการพัฒนา
เว็บไซต์แบบ Static คือเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาคงที่ เขียนขึ้นโดยใช้ภาษา HTML, CSS และบางครั้งอาจมี JavaScript มาช่วยเสริมลูกเล่นหน้าเว็บ โดยไม่มีระบบฐานข้อมูลหรือการประมวลผลฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Server-side)
ข้อดี: โหลดเร็ว, ค่าใช้จ่ายต่ำ, เหมาะสำหรับเว็บไซต์เล็ก ๆ ที่ไม่ต้องอัปเดตบ่อย เช่น เว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอ หรือเว็บแนะนำบริษัท
ข้อจำกัด: หากต้องการเปลี่ยนเนื้อหาจะต้องแก้ไขโค้ด HTML โดยตรง และไม่เหมาะกับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเปลี่ยนแปลงบ่อย
เว็บไซต์ประเภทนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ผู้ดูแลสามารถจัดการเนื้อหาได้ง่ายผ่านระบบหลังบ้านโดยไม่ต้องเขียนโค้ดเอง ตัวอย่าง CMS ยอดนิยม ได้แก่ WordPress, Webflow, Payload, Strapi
ข้อดี: ใช้งานง่าย, มีธีมและปลั๊กอินให้เลือกมากมาย, เหมาะสำหรับเว็บไซต์ข่าว บล็อก หรือเว็บไซต์ธุรกิจทั่วไปที่ต้องการอัปเดตเนื้อหาบ่อย
ข้อจำกัด: มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยหากไม่อัปเดตปลั๊กอินและระบบอย่างสม่ำเสมอ และอาจช้ากว่าเว็บ Static
คือเว็บไซต์ที่มีความสามารถเทียบเท่าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น ระบบจองห้องพัก, ระบบร้านค้าออนไลน์, ระบบ CRM หรือแพลตฟอร์ม SaaS ต่าง ๆ มักเขียนด้วยเทคโนโลยี Full-Stack เช่น React, Angular, Laravel, Node.js
ข้อดี: รองรับการโต้ตอบแบบเรียลไทม์, รองรับผู้ใช้งานจำนวนมาก, เชื่อมต่อกับระบบหลังบ้านหรือ API ได้
ข้อจำกัด: ใช้เวลาพัฒนาและงบประมาณสูง, ต้องมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิค
ปี 2025 คือยุคที่เว็บไซต์ไม่ใช่แค่หน้าร้านออนไลน์อีกต่อไป แต่กลายเป็น แพลตฟอร์มเชื่อมต่อประสบการณ์ลูกค้า กับธุรกิจอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเทรนด์เหล่านี้จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของเว็บไซต์สมัยใหม่:
Google ให้ความสำคัญกับ Page Experience อย่างมาก เว็บไซต์ต้องผ่านเกณฑ์ Core Web Vitals เช่น LCP, CLS และ INP (มาแทน FID) ซึ่งส่งผลต่ออันดับ SEO โดยตรง
เว็บไซต์ในปี 2025 จะเน้นใช้ โค้ดเบา / CDN / Static-first เพื่อให้โหลดเร็วและไหลลื่นทั้งบนมือถือและเดสก์ท็อป
เว็บไซต์ยุคใหม่จะใช้ AI มาช่วยทั้งด้าน UX และ Marketing เช่น:
ธุรกิจที่ใช้ AI บนเว็บไซต์จะสามารถให้บริการเร็วขึ้น ตรงจุดขึ้น และประหยัดต้นทุนมากขึ้น
กว่า 70% ของผู้ใช้งานมาจากมือถือ เว็บไซต์ปี 2025 จึงต้องออกแบบแบบ Mobile-First พร้อมรองรับการใช้งานผ่านหลากหลายอุปกรณ์ เช่น:
หลัง PDPA และ GDPR ถูกบังคับใช้ เว็บไซต์ต้อง:
UX ปี 2025 จะเน้น ประสบการณ์มากกว่าเอฟเฟกต์
เพราะ เว็บไซต์ (Website) ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญ ในการดำเนินชีวิตกับการทำธุรกิจยุคปัจจุบันมากขึ้น หากต้องการทำเว็บไซต์ให้กลายเป็นช่องทางที่คาดหวังผลลัพธ์ได้ เราก็มีหลักคิดการทำเว็บไซต์ที่ดีมาแนะนำ ต่อไปนี้
สรุปแล้ว เว็บไซต์ (Website) คือชุดของหน้าเว็บ (Web pages) ที่เชื่อมโยงกันด้วยการคลิกลิงก์ เพื่อเปิดหน้าเว็บอื่นภายในเว็บไซต์ ถูกพัฒนาขึ้นโดยภาษาคอมพิวเตอร์หลักสำหรับพัฒนาเว็บ อย่าง HTML, CSS และ JavaScript เว็บไซต์สามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต ด้วยการใช้เว็บเบราว์เซอร์เช่น Google Chrome, Safari หรือ Microsoft Edge เป็นตัวกลาง
เว็บไซต์สามารถมีวัตถุประสงค์ กับหน้าที่การใช้งานได้หลากหลาย ตั้งแต่การให้ข้อมูล การซื้อขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ การเผยแพร่ข่าวสาร การให้ความบันเทิง และอย่างอื่นอีกมาก แต่พื้นฐานสำคัญของเว็บไซต์ที่ดี คือควรต้องเข้าถึงได้ง่ายทุกอุปกรณ์ โหลดแสดงผลหน้าเว็บได้เร็ว ดูน่าสนใจดึงดูดสายตา และใช้งานได้ง่ายไม่ซับซ้อนจนงง
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงได้เข้าใจคำว่า เว็บไซต์ (Website) มากขึ้นกันแล้ว ตั้งแต่ว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ทั้งยังได้รู้จักกับ 9 ประเภทเว็บไซต์ พร้อมตัวอย่าง
“แล้วถ้าอยากเริ่มสร้างเว็บไซต์ ต้องทำยังไง” ยิ่งถ้าเป็นเว็บไซต์เพื่อการทำธุรกิจด้วยแล้ว จะดีกว่าไหมครับ ถ้าให้มืออาชีพมาช่วยรับผิดชอบส่วนงานตรงนี้ทั้งหมด
เพราะเราไม่ใช่แค่ รับจ้างทำเว็บไซต์ให้ แต่เรายังมี insight ที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจของลูกค้า เพื่อให้ผลงานเว็บไซต์ที่ทำออกมานั้น มีประสิทธิภาพ เหมาะสม และสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ที่คุณต้องการ