จ้างทำแอปฯ ทั้งที... เลือกบริษัทที่มี ISO 29110 คุ้มค่ากว่าจริงไหม?

December 22, 2025

จ้างทำแอปฯ ทั้งที... เลือกบริษัทที่มี ISO 29110 คุ้มค่ากว่าจริงไหม?

คำถามโลกแตกของผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจเมื่อต้องการทำ Tech Product สักตัวคือ "เลือก Software House ที่ไหนดี?" เพราะเมื่อลอง เปรียบเทียบราคาทำแอป จากใบเสนอราคาหลายๆ เจ้า ตัวเลขอาจต่างกันตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้าน

ทำไมราคาถึงต่างกันขนาดนั้น? และทำไมกูรูหลายคนถึงแนะนำว่า "ถ้าจะจ้างทำให้จบ ต้องเลือกบริษัทที่มี ISO 29110"? บทความนี้จะพาคุณไปผ่าตัดโครงสร้างการทำงาน เพื่อให้เห็นว่ามาตรฐานนี้ช่วยเซฟเงินและเวลาของคุณในระยะยาวได้อย่างไร

Standard vs Non-standard: วัดกันที่ "กระบวนการ" ไม่ใช่แค่ "ผลลัพธ์"

บริษัทรับเขียนโปรแกรมทั่วไป (Non-standard) อาจจะส่งมอบแอปที่ "หน้าตาเหมือนกัน" กับ บริษัทซอฟต์แวร์มืออาชีพ ที่มี ISO แต่สิ่งที่ต่างกันราวฟ้ากับเหวคือ "ไส้ใน"

  • Non-standard: มักพึ่งพาความเก่งส่วนบุคคล (Individual Hero) เขียนโค้ดตามใจฉัน ไม่มีแบบแผน ถ้าคนเขียนลาออก โปรเจกต์มักจะไปต่อไม่ได้
  • ISO 29110: ทำงานเป็นระบบ (Systematic Process) มีขั้นตอนที่ตรวจสอบได้ทุกระยะ ลดความผิดพลาดจากคน (Human Error) และการันตีว่าคุณภาพงานจะไม่ผันผวนตามอารมณ์ของทีมงาน

4 ข้อดีของบริษัทที่มี ISO 29110 ที่บริษัททั่วไปให้คุณไม่ได้

1. ความชัดเจนเรื่อง Source Code Ownership (ลิขสิทธิ์ซอร์สโค้ด)

ปัญหาใหญ่ที่สุดของการจ้างทำแอปราคาถูก คือ "ได้แอป แต่ไม่ได้โค้ด" หรือได้โค้ดที่อ่านไม่รู้เรื่อง แต่ตามข้อกำหนดของ ISO 29110 เรื่องการส่งมอบ (Delivery) นั้น Software House จะต้องระบุสิทธิ์ความเป็นเจ้าของให้ชัดเจน คุณจะได้รับ Source Code Ownership ที่สมบูรณ์ สามารถนำไปพัฒนาต่อ หรือจ้างทีมอื่นมาทำต่อได้ทันที นี่คือสินทรัพย์ (Asset) ของบริษัทคุณอย่างแท้จริง

2. Documentation คือคัมภีร์กันตาย

เคยไหม? จ้างทำแอปเสร็จแล้วพัง แต่ไม่มีใครแก้ได้เพราะ "ไม่รู้ระบบทำงานยังไง" บริษัทที่มี ISO จะถูกบังคับให้ทำ Documentation (เอกสารประกอบ) อย่างละเอียด ทั้ง Technical Spec, User Manual และ Installation Guide

เอกสารเหล่านี้คือสิ่งยืนยันว่า ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี หรือเปลี่ยนทีมงานไปกี่ชุด ระบบของคุณจะยังคงได้รับการดูแลรักษาได้ (Maintainable) ไม่ต้องรื้อทำใหม่ศูนย์เปล่า

3. ระบบ Bug Tracking ที่เชื่อถือได้

ก่อนส่งมอบงาน บริษัทมาตรฐานจะมีกระบวนการ Testing ที่เข้มข้น และมีการบันทึกผ่านระบบ Bug Tracking ที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่า เจอปัญหาอะไร และแก้ไขไปแล้วหรือยัง แตกต่างจากการจ้างทั่วไปที่มักจะให้ลูกค้าเป็นคนงมหาบั๊กเองหลังจ่ายเงินงวดสุดท้ายไปแล้ว

4. Post-Implementation Support ที่ไม่ได้มีแค่ในสัญญา

บริการหลังการขายมักเป็นจุดอ่อนของวงการนี้ แต่ด้วยกระบวนการที่มีมาตรฐาน การดูแลรักษา (Maintenance) จึงทำได้ง่ายและรวดเร็วกว่า บริษัทที่มี ISO มักมี SLA (Service Level Agreement) ที่ชัดเจนในการตอบกลับและแก้ไขปัญหา ทำให้ธุรกิจของคุณไม่สะดุด

บทสรุป: ราคาที่คุณจ่าย คือค่า "ความเสี่ยง" ที่ลดลง

หากมองแค่ตัวเลขในใบเสนอราคา บริษัทซอฟต์แวร์มืออาชีพ ที่มี ISO 29110 อาจดูเหมือนมีราคาสูงกว่าฟรีแลนซ์หรือบริษัททั่วไป แต่ถ้าคุณมองที่ Total Cost of Ownership (ต้นทุนรวมตลอดอายุการใช้งาน)

การเลือกบริษัทที่มีมาตรฐาน คือการตัดค่าใช้จ่ายแฝงในอนาคต ทั้งค่ารื้อระบบใหม่ ค่าเสียโอกาสทางธุรกิจตอนแอปพัง และค่าความเครียดที่ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้น การลงทุนจ้างบริษัทที่มี ISO 29110 จึงไม่ใช่การ "จ่ายแพง" แต่คือการ "จ่ายครั้งเดียวจบ" อย่างคุ้มค่าที่สุด