Technology

Website Design | รวม 10 เทคนิคออกแบบเว็บไซต์ให้ดูดี ในปี 2024

April 23, 2024

Website Design | รวม 10 เทคนิคออกแบบเว็บไซต์ให้ดูดี ในปี 2024

งานออกแบบเว็บไซต์ (Website design) ที่ดูดีและใช้งานได้มีประสิทธิภาพ คือเรื่องสำคัญที่จะช่วยดึงผู้ใช้งานให้อยู่ในเว็บไซต์เรานานขึ้น และสามารถชักจูงให้ผู้เข้าชมเปลี่ยนไปเป็นลูกค้าของเราได้อีก  

ยุคที่ธุรกิจต้องแข่งขันกันดุเดือด และมีตัวเลือกมากมายแบบทุกวันนี้ การมีเว็บไซต์ (Website) ที่ดูดีและใช้งานได้เหมาะสม กลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่เพียงแค่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับ brand แต่เว็บไซต์ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนหน้าร้านของธุรกิจ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสการปิดการขายให้ง่ายขึ้นด้วย

ยิ่งถ้า ออกแบบเว็บไซต์ ออกมาได้น่าสนใจ ก็สามารถช่วยสร้างความประทับใจ ดึงดูดให้ผู้ใช้อยากใช้เวลาบนเว็บเรานานขึ้น และอาจจูงใจไปสู่การตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง และส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

บทความนี้ เราจะขอแนะนำเทคนิคในการ ออกแบบเว็บไซต์ (Website design) ให้ดูดีและตอบโจทย์ผู้ใช้ยุคปัจจุบัน พร้อมพาชมตัวอย่างเว็บไซต์สวย ๆ น่าสนใจ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้แนวทางออกแบบเว็บ ไปใช้สร้างหรือปรับปรุงเว็บไซต์ตนเองให้ดีขึ้น พร้อมแล้วมาเริ่มกันครับ

Website Design คืออะไร

Website design หรือการออกแบบเว็บไซต์ คือกระบวนการในการสร้างหน้าตา และองค์ประกอบภายในเว็บไซต์ ตั้งแต่การจัดวางเนื้อหา การเลือกใช้สี ฟอนต์ การเลือกใช้ภาพหรือกราฟิก และการออกแบบระบบนำทางผู้ใช้บนหน้าเว็บ ให้สวยงามสอดคล้อง และสามารถใช้งานได้ราบรื่น เพื่อประสบการณ์ใช้งานที่ดี

เป้าหมายสำคัญของการ ออกแบบเว็บไซต์ คือสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ใช้ และเปลี่ยนให้กลายเป็นลูกค้าได้ในท้ายสุด ในขั้นตอนการ design website จึงต้องออกแบบหน้าเว็บให้สื่อสารข้อมูลหลักได้อย่างชัดเจน ดึงดูดความสนใจ สร้างความไว้วางใจ และชักจูงให้ผู้ชมอยากโต้ตอบด้วยได้ ไม่ว่าจะการกดสมัครสมาชิก ติดต่อสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้าและบริการ

เว็บดีไซน์ที่ประสบความสำเร็จ จะต้องสอดคล้องกับแบรนด์และเป้าหมายทางธุรกิจ สามารถสื่อสารคุณค่าของสินค้ากับบริการได้อย่างโดดเด่น ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานที่เหมาะสมกับผู้ใช้จริง การทำเรื่องเหล่านี้ได้ นักออกแบบเว็บไซต์จะต้องอาศัยทั้งความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจเชิงลึกไปพร้อม ๆ กัน

10 เทคนิค ออกแบบเว็บไซต์ ให้ดูดี

ใครที่กำลังมองหา แนวทางออกแบบเว็บไซต์ (Website design) ให้ออกมาดูดีและทันสมัย ต่อไปนี้คือ 10 เทคนิคที่เราแนะนำ ให้นำไปใช้กับงานออกแบบเว็บไซต์ปี 2024 นี้

1. ออกแบบให้เรียบง่าย (Simplicity)

ยุคนี้ที่ผู้คนมีช่วงความสนใจสั้นลง (Short attention span) และต้องการข้อมูลที่กระชับตรงประเด็น งานออกแบบเว็บไซต์แบบมินิมอล (Minimalist) ที่เน้นความเรียบง่าย จึงเป็นแนวคิดที่ต้องนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ผู้ใช้งานโฟกัสประเด็นหลักได้ง่ายขึ้น

แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ควรเรียบง่ายจนขาดจุดน่าสนใจ เพราะการออกแบบหน้าเว็บที่ซับซ้อนเกินไป มักทำให้ผู้ใช้งานสับสน และไม่สามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้สะดวก ควรเลือกใช้กราฟิกกับข้อความแต่พอดี เน้นที่ความสะอาดตาและใช้งานได้ลื่นไหล  ซึ่งยังคงต้องสื่อสารข้อมูลสำคัญของหน้าเว็บไซต์ได้

2. เลือกใช้สีที่เข้ากันได้ลงตัว (Color Scheme)

การเลือกใช้สี อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของงานออกแบบเว็บไซต์ (Web design) เพราะสีสามารถสื่อถึงอารมณ์ ความรู้สึก และส่งผลต่อการรับรู้ของผู้ใช้งาน หากเลือกสีที่เข้ากันลงตัวและเหมาะกับลักษณะของเว็บไซต์ จะสามารถช่วยสร้างความน่าสนใจกับเอกลักษณ์ได้ดี ไม่ควรใช้จำนวนสีมากเกินไป อาจเลือกใช้สีหลักเพียง 1-2 สี และสีรอง 2-3 สี เท่านั้นพอ

นอกจากความเข้ากันได้ การเลือกใช้สีในงานออกแบบเว็บไซต์ ยังต้องคำนึงถึงการแสดงผลที่คมชัดด้วย ไม่แนะนำให้ใช้สีที่ฉูดฉาดจนเกินไปเพราะทำให้อ่านเนื้อหาได้ลำบาก พยายามใช้คู่สีที่เป็น Complementary colors หรือการใช้ Color palette ที่บอกโทนสีใกล้เคียงกัน เพื่อให้เว็บไซต์ดูสวยงามกลมกลืนและสบายตา

3. เลือกฟอนต์ที่อ่านง่าย (Readable Fonts)

ตัวอักษร (Font) กับการจัดวางข้อความ คือหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในงานออกแบบหน้าเว็บไซต์ (Web page design) เพราะมีผลต่อความสะดวกในการอ่านเนื้อหา ปกติควรเลือกใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย สบายตา อย่างฟอนต์ Sans-serif เช่น Arial, Verdana, Helvetica สำหรับเนื้อหาทั่วไป หรือฟอนต์ Serif เช่น Times New Roman, Georgia จะเหมาะกับเนื้อหาบทความที่ยาวมากกว่า

เพราะแม้ว่าจะเขียนเนื้อหาได้ดี แต่ถ้าเลือกใช้ฟอนต์ที่อ่านยากเกินไป ผู้อ่านจะไม่สามารถรับข้อมูลได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งการกำหนดขนาดฟอนต์ (Font size) และการเว้นระยะห่างระหว่างบรรทัด (Line height) ให้เหมาะสม ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกให้กับการอ่านได้เช่นกัน

4. ใช้พื้นที่ว่าง (White Space) ให้เหมาะสม

White space หรือพื้นที่ว่าง คือส่วนที่ไม่มีข้อความหรือกราฟิกอะไรเลยบนหน้าเว็บ มักเป็นพื้นหลังสีขาวหรือสีอ่อน พื้นที่เหล่านี้มีประโยชน์ในการแบ่งแยกและจัดกลุ่มเนื้อหาให้เป็นสัดส่วน ช่วยให้หน้าเว็บไซต์ดูเป็นระเบียบ ไม่แออัดจนเกินไป การวางตำแหน่งของพื้นที่ว่างให้ลงตัวจะช่วยสร้างลำดับชั้น (Visual hierarchy) ของข้อมูล ทำให้ผู้อ่านแยกแยะและเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น

สีพื้นหลังของ White space ไม่จำเป็นต้องใช้สีขาวเท่านั้น แต่อาจใช้พื้นหลังสีอ่อน ๆ หรือลายเส้นที่ไม่รกตาก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องใช้ White space อย่างพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป

5. ออกแบบเว็บไซต์ ให้รองรับการแสดงผลบนมือถือ

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านสมาร์ทโฟน กับแท็บเล็ตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การออกแบบเว็บไซต์ที่คำนึงเรื่องการแสดงผลบนหน้าจออุปกรณ์พกพา หรือเรียกว่า Responsive Design เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในงานออกแบบเว็บไซต์  

Responsive Design หมายถึงการออกแบบเว็บไซต์ ให้สามารถปรับขนาดและจัดเรียงเนื้อหาได้เหมาะสมกับขนาดของจอแสดงผลโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเข้าชมด้วยคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต ผู้ใช้ก็จะได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีเสมอ นักออกแบบเว็บจะต้องคำนึงเรื่องการแสดงผลทั้งแนวตั้ง (Portrait) และแนวนอน (Landscape) รวมทั้งขนาดของปุ่มกับลิงก์ต่าง ๆ ที่ควรมีขนาดใหญ่พอให้สามารถกดได้ง่ายบนหน้าจอสัมผัส

6.ใช้ Visual Content ตกแต่งเว็บไซต์

Visual Content อย่างรูปภาพ ไอคอน อินโฟกราฟิก วิดีโอ ฯลฯ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ นอกจากตกแต่งให้สวยงาม ก็ยังใช้ดึงดูดความสนใจ และช่วยอธิบายเนื้อหาซับซ้อนให้เข้าใจง่ายขึ้นด้วยภาพ อีกทั้งยังสร้างการจดจำ และกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชมได้ดีกว่าข้อความธรรมดา

ข้อควรระวังคือ ควรเลือกใช้ Visual Content อย่างพอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยเกินไป และควรคำนึงถึงขนาดของไฟล์ด้วย เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเร็วในการแสดงผลของเว็บไซต์ รูปภาพควรมีขนาดกับความละเอียดที่เหมาะสมกับพื้นที่แสดงผล ส่วนวิดีโอไม่ควรยาวเกินไปและควรมีตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการเล่นได้ด้วยตัวเอง

หากมี Visual content ที่ใหญ่เกินไปจนกระทบต่อความเร็วการโหลดหน้าเว็บ อาจเลือกใช้วิธีการบีบอัดไฟล์เพื่อลดขนาด แต่ยังคงความคมชัดเอาไว้ และควรใส่ Alt Text หรือข้อความอธิบายรูปภาพ เพื่อให้รองรับ Screen Reader หรือกรณีที่รูปไม่แสดงผล

7. วางตำแหน่งเนื้อหาหลักให้เห็นได้ชัดเจน (Highlight Key Content)

หนึ่งในเทคนิคออกแบบเว็บไซต์ (Web design) ให้ดูดี คือควรจัดวางตำแหน่งเนื้อหาอย่างเหมาะสม เพื่อให้สิ่งที่อยากสื่อปรากฏในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ง่าย เพราะผู้ใช้มักให้ความสำคัญกับสิ่งที่เห็นเด่นชัดเป็นอันดับแรก เช่นข้อความขนาดใหญ่ หรือรูปภาพที่โดดเด่นเป็นจุดสนใจหลักของหน้าเว็บ ทำให้หากวางเนื้อหาสำคัญไว้บริเวณพื้นที่ใกล้ ๆ จุดสนใจเหล่านี้ ก็จะถูกสังเกตเห็นได้ง่ายกว่าตำแหน่งอื่น

อาจใช้หลัก Visual Hierarchy จัดลำดับความสำคัญขององค์ประกอบบนหน้าเว็บไซต์ ตั้งแต่เรื่องขนาด สี ตำแหน่ง ความคมชัด และพื้นที่ว่าง เพื่อช่วยเน้นให้เนื้อหาที่สำคัญโดดเด่นขึ้นมา เช่นการใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่หรือสีสะดุดตาสำหรับเน้นข้อความสำคัญ หรือการใช้ Negative Space ทำให้เนื้อหาที่อยู่ตรงกลางดูน่าสนใจมากขึ้น

8. มีระบบนำทางเว็บไซต์ (Navigation)

การออกแบบระบบนำทางหรือเมนูให้ใช้งานง่าย ถือเป็นหัวใจสำคัญของงานออกแบบเว็บไซต์ (Website design) เพราะช่วยให้ผู้ใช้สามารถท่องเว็บ และเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้สะดวก โครงสร้างของเมนูควรถูกจัดวางอย่างเป็นหมวดหมู่ มีลำดับขั้นชัดเจน และหมวดหลักไม่ควรมีมากเกินไปเพื่อไม่ให้ผู้ใช้เกิดความสับสน

เมนูควรใช้ข้อความที่กระชับ เข้าใจง่าย และวางไว้ในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ชัด เช่นด้านบนหรือด้านข้างของหน้าเว็บ กรณีเป็นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีหมวดหมู่ย่อยจำนวนมาก อาจใช้เมนูแบบ Drop-down หรือ Mega Menu เพื่อให้แสดงผลได้เป็นระเบียบ และง่ายต่อการค้นหา

ทางเลือกอื่นคือใช้ Hamburger Menu ที่รวมเมนูทั้งหมดเอาไว้ภายในไอคอนจุดสามจุด เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ โดยเฉพาะกับบนจอขนาดเล็ก

นอกจากนี้ หน้าเว็บไซต์ยังควรมีเมนูที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ต้องการได้เร็ว อย่างช่อง Search, Site Map และ Breadcrumbs Navigation ที่บอกตำแหน่งหน้าที่อยู่ และมีลิงก์คลิกกลับไปยังหน้าก่อนหน้าได้

9. ใส่ Call-to-Action

Call-to-Action (CTA) องค์ประกอบบนเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ทำตามที่เราต้องการ เช่นกดสั่งซื้อ สมัครสมาชิก หรือกรอกแบบฟอร์ม มีประโยชน์ในการเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมให้กลายเป็นลูกค้าหรือ Lead ได้

CTA มักอยู่ในรูปแบบปุ่ม (Button) หรือลิงก์ข้อความ นิยมใช้สีที่สะดุดตาเพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย ข้อความบนปุ่มควรสั้น กระชับ และสื่อให้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคลิก เช่น "สั่งซื้อเลย", "ดาวน์โหลดฟรี" ฯลฯ

ตำแหน่งของ CTA มีผลต่ออัตราการคลิกมาก ทั่วไปควรวางไว้ในส่วนที่เห็นได้ชัด อย่างส่วนบนของหน้า ใกล้เนื้อหาสำคัญ หรือตรงกลางหน้าจอ ควรมีขนาดใหญ่พอได้สังเกตเห็นและไม่บดบังเนื้อหา ถ้าต้องการให้คลิกมากขึ้นอาจซ้ำ CTA สองสามครั้งหลายตำแหน่ง ภายในหน้าเว็บเดียวกัน

10. ทดสอบปรับปรุง Website Design อยู่เสมอ

งานออกแบบเว็บไซต์ (Website design) เป็นกระบวนการที่ไม่มีสิ้นสุด เพราะทั้งเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว กับความต้องการและพฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา คำว่า เว็บไซต์ที่ดีที่สุด จึงไม่มีอยู่จริง มีแต่คำว่า เว็บไซต์ที่เหมาะสมกับใครในช่วงเวลาไหนที่สุด มากกว่า ทำให้ต้องมีการศึกษา ทดสอบ และปรับปรุง Web design อยู่สม่ำเสมอ

การใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics สามารถช่วยให้เห็นข้อมูลพฤติกรรมใช้งานของผู้ใช้ได้ เช่นหน้าไหนมีคนเข้าชมมากน้อย อัตราการตีกลับ (Bounce Rate) เส้นทางการเข้าชมเว็บ ฯลฯ เมตริกเหล่านี้จะช่วยบอกได้ว่าจุดไหนของเว็บไซต์ที่ควรปรับปรุง ทางอื่นก็ควรเก็บ Feedback จากผู้ใช้จริง ผ่านช่องทางแบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์ เพื่อนำมาปรับปรุงการออกแบบเว็บให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย

ตัวอย่างงานออกแบบเว็บไซต์สวย ๆ

การออกแบบเว็บไซต์ให้ออกมาดูดี หากได้ไอเดียและแรงบันดาลใจจากตัวอย่างเว็บไซต์สวย ๆ จะสามารถช่วยเสริมความคิดสร้างสรรค์และจุดประกายไอเดียใหม่ ๆ ได้

- Apple (apple.com) มีการออกแบบที่เรียบหรู ใช้โทนสีขาวและดำเป็นหลัก เน้นนำเสนอภาพผลิตภัณฑ์ที่ชัดเจน ให้ความรู้สึกทันสมัยและพรีเมียม สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์

- Airbnb (airbnb.com) หน้าแรกของ Airbnb ออกแบบด้วยภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวจริง ที่สวยงามน่าหลงใหล ชวนให้อยากจองที่พักผ่านเว็บไซต์ทันที แถมมีระบบการค้นหาที่ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว

- Tesla (tesla.com) เน้นโชว์ภาพรถยนต์ที่ออกแบบได้ล้ำสมัย พร้อมกราฟิกที่เรนเดอร์ออกมาราวกับเห็นรถจริง ๆ ตรงหน้า ทำให้ผู้ชมอยากเป็นเจ้าของรถเทสล่าสักคัน

- Stripe (stripe.com) มีการใช้กราฟิก illustration ที่ออกแบบได้น่ารัก สื่อถึงความเป็นมิตรและน่าใช้บริการ ทำให้รู้สึกอุ่นใจที่จะเลือกใช้ระบบการชำระเงินของ Stripe

- Dropbox (dropbox.com) ดีไซน์แบบ flat design ที่ดูสะอาดตา เรียบง่าย ไอคอนต่าง ๆ สื่อความหมายได้ชัดเจน จัดองค์ประกอบได้อย่างลงตัว ทำให้ใช้งานง่ายและเข้าใจการทำงานของผลิตภัณฑ์ได้ดี

เทรนด์ออกแบบเว็บไซต์ (Website Design) น่าสนใจ

นอกจากเทคนิคออกแบบเว็บไซต์ กับหลักการออกแบบเว็บที่กล่าวไปแล้ว การเท่าทันเทรนด์ใหม่ ๆ ของวงการ Web design จะยิ่งช่วยให้เว็บไซต์ของเราดูทันสมัยและโดดเด่นกว่าคู่แข่ง ต่อไปนี้คือแนวโน้มเทรนด์ ออกแบบเว็บไซต์ ที่น่าจับตามองในปีนี้

  1. Glassmorphism เทคนิคออกแบบเว็บไซต์ ด้วยการเลียนแบบคุณสมบัติของกระจกมาใช้ในงานออกแบบเว็บ อย่างการใช้สีโปร่งแสง (Transparency) การเบลอพื้นหลัง (Background Blur) การใช้ Gradient และการสะท้อนแสง (Light) บนองค์ประกอบต่าง ๆ ทำให้รู้สึกถึงหรูหรา แต่คงความเรียบง่ายในการใช้เอาไว้
  2. Minimalism & White Space ท่ามกลางกระแสของ Vivid Design ฉูดฉาด การออกแบบแบบมินิมอลที่เน้นเรียบง่าย ใช้โทนสีขาวและพาสเทลเป็นหลักยังคงนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะการออกแบบลักษณะนี้ สามารถช่วยโฟกัสความสนใจของผู้ชมไปยังเนื้อหาสำคัญได้ชัดเจน เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความเรียบง่าย แต่ดูดีมีระดับ
  3. Brutalism Design อีกหนึ่งเทรนด์ออกแบบเว็บไซต์ ที่ใช้แนวคิดต่อต้านการออกแบบกระแสหลัก เน้นการใช้รูปทรงเรขาคณิตดิบ ๆ สีโทนเข้ม การวางองค์ประกอบแบบไม่สมดุล และการใช้ฟอนต์ขนาดใหญ่เกินจริง แม้จะอาจดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไร แต่กลับให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ และสะดุดตาผู้ชมอย่างมาก เทรนด์นี้เหมาะกับเว็บไซต์ที่อยากสื่อถึงความแตกต่าง และไม่ต้องการยึดติดกับกรอบการออกแบบอะไรเดิม ๆ
  4. Dark Mode UI หรือการออกแบบโหมดมืด ที่ใช้พื้นหลังสีเข้มกับตัวอักษรสีอ่อน ช่วยให้สบายตาเวลาใช้งานตอนกลางคืนหรือในที่แสงน้อย แต่ยังให้อารมณ์ที่ดูพรีเมียมกว่าเว็บทั่วไป หลายเว็บแบรนด์ดังอย่าง Apple, Twitter หรือ Facebook ก็มีตัวเลือกโหมดมืดให้กับผู้ใช้เลือกแล้ว
  5. Advanced Micro-Interactions หรือการใช้ Micro-interactions ที่มีรายละเอียดมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของ delightful animations, visual feedback, transitions หรือ interactive elements ที่ตอบสนองต่อการกระทำของผู้ใช้อย่างละเอียดอ่อน สร้างความรู้สึกที่เหมือนกำลังใช้งานแอปพลิเคชันมากกว่าเว็บไซต์
  6. Personalization & AI เว็บไซต์ในอนาคตจะมีการใช้ระบบ AI มากขึ้น สำหรับเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้แต่ละคน และปรับแต่งเนื้อหาหรือ UI ให้เหมาะกับความสนใจเฉพาะบุคคล เพื่อสร้าง User Experience ที่น่าพอใจที่สุด เช่นการแสดงสินค้าแนะนำตามประวัติการซื้อ หรือการปรับหน้าแรกตาม Location ภาษา และ Device ที่ใช้

บทสรุป

สรุปแล้ว Web design หรือการออกแบบเว็บไซต์ คือทั้งศาตร์และศิลป์สำหรับใช้ออกแบบเว็บไซต์ ให้มีหน้าตา ฟังก์ชันใช้งาน และประสบการณ์การใช้เว็บไซต์ที่ดี เรื่องสำคัญของงานออกแบบเว็บไซต์ คือต้องตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของธุรกิจ กลุ่มเป้าหมาย และผู้ใช้งานเว็บไซต์ ตลอดจนเป็นไปตามมาตรฐานกับแนวทางปฏิบัติที่ดี (best practice) เพื่อให้เว็บไซต์มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับ SEO

การจะออกแบบเว็บไซต์ให้ดี นั้นไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เพราะต้องเข้าใจตั้งแต่กลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรมผู้ใช้ และเป้าหมายทางธุรกิจเป็นหลัก จากนั้นค่อยนำหลักการ/เทคนิคออกแบบเว็บต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม และปรับแต่งให้สอดคล้องกับแบรนด์ เพื่อสื่อสารคุณค่าของสินค้าหรือบริการให้ได้โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจท้ายที่สุด

ใครที่อยากลองออกแบบเว็บ หรือปรับปรุงเว็บไซต์ใหม่ดูบ้าง ให้ลองนำเอาไอเดียกับเทคนิคที่เราบอกในบทความนี้ ไปปรับใช้กันดูนะครับ

ออกแบบเว็บไซต์กับ Foxbith เราช่วยคุณได้

หากต้องการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ หรืออยากปรับโฉมเว็บไซต์เดิมให้ทันสมัย ลองใช้บริการรับออกแบบเว็บไซต์ กับพวกเรา Foxbith ได้ เพราะเราเป็นบริษัทชั้นนำ ที่มีผลงานออกแบบเว็บไซต์ให้กับหลายอุตสาหกรรม

ทีมเราให้บริการ Web design ครบวงจร ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ UI/UX พัฒนาเว็บไซต์ รวมถึงการดูแลบำรุงรักษาด้วยทีมงานมืออาชีพ เราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด และยินดีปรับแก้งานออกแบบเว็บไซต์ ให้ถูกใจลูกค้าตามที่ต้องการได้